Spread the love

10 อันดับ exotic pet น่าเลี้ยงในไทย มีอะไรบ้าง

10 อันดับ exotic pet น่าเลี้ยงในไทย มีอะไรบ้าง

คนไทยส่วนใหญ่เราอาจคุ้นเคยกับสัตว์เลี้ยงในบ้านเช่น สุนัขและแมว แต่ก็มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบสัตว์ exotic ด้วย พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและไม่น่ากลัวอย่างที่คิด สำหรับท่านที่ต้องการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงแสนแปลกแต่แจ๋ว เราขอแนะนำ “10 อันดับ Exotic Pet น่าเลี้ยงในไทย” ที่คุณจะหลงรักพวกเขา

1. แพรรี่ด็อก

แพรี่ด็อก (Prairie Dog) หรือ กระรอกดิน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่อยู่ในวงศ์กระรอก (Sciuridae) มีถิ่นกำเนิดในแถบทุ่งหญ้าอเมริกาเหนือ พวกเขามีลำตัวอ้วนกลม หางสั้น หูเล็ก และหัวที่ค่อนข้างใหญ่ สีขนก็แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลแดง พวกเขาเปล่งเสียงเป็นชุดๆ ออกมา รวมทั้งเสียงเหมือนสุนัขตัวเล็กๆ เห่า เพื่อสื่อสารกับผู้เลี้ยง กินพืชและกินหญ้า ราก ใบไม้ และเมล็ดพืชเป็นอาหาร นอกจากนี้ยังมีนิสัยที่อยากรู้อยากเห็นและดื้อนิดหน่อย เขาเป็นสัตว์ฟันแทะ เวลาเลี้ยงต้องระวังพวกสายไฟหรือสิ่งของสำคัญด้วย และกรงที่ใช้เลี้ยงต้องมีขนาดใหญ่พอสมควร อาหารที่ให้เขากินควรเป็น หญ้าทีโมธี สลับกับอาหารเม็ดของแพรี่ด็อกโดยเฉพาะหรืออาหารเม็ดกระต่ายก็ได้นะ แล้วเขาเป็นสัตว์ที่กินเก่งมาก พยายามอย่าให้อาหารหรือขนมในปริมาณมาก

Prairie Dog

2. ดอร์เม้าส์

ดอร์เมาส์ (Dormouse) เป็นกระรอกจิ๋วอีกประเภทหนึ่งที่อยู่ในวงศ์ (Gliridae) มีประมาณ 30 สายพันธุ์ที่พบในยุโรป เอเชีย และแอฟริกา พวกเขาเป็นที่รู้จักจากรูปร่างหน้าตาที่น่ารักและความสามารถในการจำศีลเป็นเวลานานมีตาและหูที่ใหญ่ หางเป็นพวง พวกเขาเป็นสัตว์ขนาดเล็ก โดยปกติจะมีความยาวระหว่าง 2.5 ถึง 4 นิ้ว กินพืชทุกชนิดเป็นอาหาร เช่น ผลไม้ ถั่ว เมล็ดพืช แมลง และไข่นก บางชนิดเป็นที่ทราบกันดีว่าชอบเฮเซลนัทเป็นพิเศษ

กระรอกจิ๋ว

3. ชินชิลล่า

ชินชิลล่า (Chinchillas) เป็นสัตว์ฟันแทะขนาดเล็กที่มีถิ่นกำเนิดในเทือกเขาแอนดีสของอเมริกาใต้ พวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องขนที่นุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในขนที่นุ่มที่สุดในโลก หัวกลม ตาโต และหูใหญ่ มีขนหนาทึบซึ่งโดยปกติจะเป็นสีเทา แม้ว่าสีอื่นๆ เช่น สีขาว สีเบจ และสีดำจะถูกคัดพันธุ์มาเลี้ยงในกรง ถ้าโตเต็มวัยจะวัดได้ประมาณ 9 ถึง 15 นิ้ว พวกเขาเป็นสัตว์กินพืชและกินพืชเป็นหลัก เช่น หญ้า ใบไม้ เปลือกไม้ และผลไม้ การเลี้ยงในกรง อาหารของเขาประกอบด้วยอาหารเม็ดของชินชิล่าสูตรพิเศษ พร้อมด้วยหญ้าแห้งสด และผักและผลไม้สดในปริมาณที่จำกัด พวกเขามีอายุขัยค่อนข้างยาวเมื่อเทียบกับสัตว์ฟันแทะขนาดเล็กอื่นๆ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 10-20 ปีเมื่อได้รับการดูแลและอยู่ในภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

Chinchillas

4. แมวคาราคัล

คาราคัล (Caracals) เป็นแมวป่ามีลักษณะเด่นคือ ขายาว หน้าสั้น หูเป็นกระจุกเด่น หนักระหว่าง 13 ถึง 40 กิโลกรัม (29 ถึง 88 ปอนด์) โดยทั่วไปประกอบด้วยขนสีน้ำตาลแดงที่มีสีอ่อนกว่าด้านล่าง คาราคัลมีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคต่างๆ ในแอฟริกาตะวันออกกลาง และบางส่วนของเอเชียกลาง อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนา ป่าไม้ ป่าละเมาะ และพื้นที่บนภูเขา พวกมันปรับตัวได้และพบได้ในพื้นที่แห้งแล้งและพืชพรรณหนาแน่นกว่า ส่วนใหญ่กินเนื้อเป็นอาหาร และอาหารของพวกมันส่วนใหญ่ประกอบด้วยหนู กระต่าย ไฮแรกซ์ และละมั่งขนาดเล็ก และสามารถกระโดดได้สูงในอากาศเพื่อจับนกที่กำลังบินอยู่ ปัจจุบันคนก็นิยมเอามาเลี้ยงโดยสามารถฝึกให้เป็นมิตรกับทั้งคนและสัตว์ได้ แต่ต้องระมัดระวังเพราะมีสัญชาตญาณสัตว์ป่าอยู่ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเลี้ยง

Caracals

5. บุชเบบี้

บุชเบบี้ (Bushbaby) คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก มีถิ่นกำเนิดในแถบป่าเขาสูงของทวีปแอฟริกา โดยจะอาศัยอยู่บนต้นไม้ กินแมลงและผลไม้เป็นอาหาร มีลักษณะเด่นคือมีตาขนาดใหญ่และใบหูยาว มีขนสั้นปกคลุมบริเวณหลัง ในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 20 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่ผู้คนนิยมเลี้ยงคือ Galago Moholi โดยทั่วไป นิสัยของบุชเบบี้ เป็นสัตว์ที่มีนิสัยอ่อนโยน ไม่มีเล็บ ผู้เลี้ยงสามารถฝึกให้เชื่องได้ โดยเป็นสัตว์กลางคืนและนอนตอนกลางวัน พวกเขาเขามักจะตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมตอนกลางคืน เช่น หาอาหาร หรือกระโดดเล่น น้องๆ ยังมีความสามารถในการสื่อสารโดยใช้เสียง โดยจะมีเสียงเห่าดังเบาสลับกันเพื่อสื่อสารกันภายในฝูง นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการใช้เสียงเป็นเครื่องมือในการป้องกันตัวเองจากศัตรู บุชเบบี้เป็นสัตว์รักสะอาด โดยมักจะเลียหน้าและขนบนตัว เพื่อรักษาความสะอาดตลอดเวลา

Bushbaby

6. ชูการ์ไกลเดอร์

ชูการ์ไกลเดอร์ (Sugar gilder) คือสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องขนาดเล็ก โดยจะออกหากินในเวลากลางคืน มีถิ่นกำเนิดในประเทศออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี  สาเหตุที่เรียกว่าชูการ์ไกลเดอร์เพราะน้องชอบอาหารที่มีรสหวานและสามารถร่อนผ่านอากาศได้เนื่องจากมีพังผืดที่เรียกว่า “ปาตาเจียม” ที่ยืดระหว่างขาหน้าและขาหลัง ปัจจุบันน้องเป็นที่นิยมในหมูคนรักสัตว์ exotic เนื่องจากนิสัยที่น่ารักและขี้เล่น แต่อย่างไรก็ตามน้องๆ ก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยต้องตรวจสุขภาพเป็นประจำ นอกจากนี้น้องยังเป็นสัตว์สังคมและต้องการมีปฏิสัมพันธ์สูง ควรจะต้องเอาเจ้าตัวเล็ดออกมาเล่นบ่อยๆ ไม่งั้นน้องจะไม่ชินและขู่เราได้

Sugar gilder

7. เบี๊ยดดราก้อน

เบี๊ยดดราก้อน (Bearded dragon) หรือมังกรเครา คือ กิ้งก่าชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในออสเตรเลีย เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์ exotic ประเภทเลื้อยคลาน เนื่องจากพวกเขาค่อนข้างง่ายต่อการดูแลและมีลักษณะที่เชื่องกับเจ้าของ ไม่ดุร้าย หรือกัด โดยชื่อของพวกเขานั้นมีที่มาจาก “เครา” ที่มีหนามซึ่งอยู่ใต้คาง และยังสามารถพองตัวได้เมื่อถูกคุกคามหรือระหว่างการผสมพันธุ์กับตัวเมีย พวกเขาเป็นสัตว์กินพืชทุกชนิด รวมทั้งแมลง ผลไม้ และผัก นอกจากนี้สามารถอยู่ได้นานถึง 15 ปีในกรงขัง และเติบโตได้ยาวกว่าสองฟุตอีกด้วย

Bearded dragon

8. กระต่ายแคระ

กระต่ายแคระ (Lepus curpaeums) คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในวงศ์กระต่าย (Leporidae) มีหูสั้นและตัวเล็ก ส่วนหางจะมีขนสั้นกุด ขนาดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ ส่วนใหญ่พบได้ในภูเขาสูงที่มีอากาศหนาวเย็น ป่าสน เขตชายแดน และพื้นที่ป่าเขาชื้น โดยอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มหรือคู่ พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์ในธรรมชาติและปัจจุบันก็เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านอีกด้วย สายพันธุ์ของน้องที่ผู้คนรู้จักและนิยมเลี้ยงหลัก ๆ มีอยู่ 4 พันธุ์เช่น ฮอลแลนด์ลอป เนเธอร์แลนด์ดวาร์ฟ มินิเร็กซ์ และไลอ้อนเฮด

สายพันธุ์กระต่ายฮอลแลนด์ลอป

9. นกแก้วหลากสี

นกแก้วหลากสีถือเป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงคู่ใจคนรักสัตว์ exotic โดยมีหลากหลายสายพันธุ์และหลากสีที่คนนิยมเลี้ยง หลักๆ แล้วมีอยู่ 5 สายพันธุ์ที่คนนิยมเลี้ยงมากที่สุดเช่น นกแก้วมาคอว์ เรดบิลลี่ นกแก้วซันคอนัวร์ นกหงษ์หยก นกแก้วค๊อกคาเทล และนกแก้วแอฟริกัน เกรย์ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถฝึกพูดได้ด้วยนะ ถ้าใครเป็นมือใหม่แนะนำนกแก้วเลย

นกแก้วหลากสี

10. งูไร้พิษ

มีงูหลายชนิดที่คนนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน แต่เพื่อความปลอดภัยและเหตุผลอื่นๆ ส่วนใหญ่คนจะเลือกเลี้ยงงูที่มีขนาดเล็กและไม่พิษ มีสายพันธุ์งูที่คนนิยมเลี้ยง เช่น งูหลามบอล  (Ball Python) งูข้าวโพด (Corn Snake) งูแคลิฟอเนียร์คิงสเนค (California King Snake) งูที่กล่าวมาส่วนใหญ่พวกเขาจะกินหนูแช่แข็งที่เรียกว่า หนูไมค์ เป็นอาหารหลัก โดยอาหารของพวกเขาสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสำหรับสัตว์ exotic โดยเฉพาะ และพวกเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดเพราะว่าสายพันธุ์ที่กล่าวมาจะมีนิสัยที่ไม่ดุร้าย ขี้กลัว และอยู่ง่าย รวมถึงถ้าใครที่ไม่มีเวลาเลี้ยง งูถือเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะพวกเขาไม่ต้องการการดูแลที่เยอะและจุกจิกเท่ากับสัตว์ exotic ชนิดอิ่นๆ

งูหลามบอล  (Ball Python)

สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับสัตว์ exotic ได้ที่

exotic pet เลี้ยงง่าย มีอะไรบ้าง

1. กระต่าย เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและเลี้ยงง่าย พวกเขาต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ในการเคลื่อนไหว และส่วนใหญ่สามารถทานอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วไปได้ อย่างไรก็ตาม ควรให้พวกเขามีอาหารสดอย่างผักและฟางเพื่อสุขภาพที่ดี
2. กิ้งก่า เพราะน่าสนใจและเลี้ยงง่าย พวกเขามีขนาดเล็กและสามารถอาศัยอยู่ในกรงขนาดเล็กได้ การเลี้ยงกิ้งก่าควรให้ความสำคัญกับอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา

exotic pet ราคาถูก มีอะไรบ้าง

1. กระต่าย ราคาของกระต่ายอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และต้นกำเนิด คุณสามารถหากระต่ายที่ราคาเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 600-1,000 บาท ในร้านสัตว์เลี้ยงหรือจากผู้เลี้ยงกระต่ายท้องถิ่น
2. กิ้งก่า กิ้งก่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจและมีราคาถูกในบางสายพันธุ์ เช่น กิ้งก่าเขียว ราคาของกิ้งก่าอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และความหายากของพวกเขา ราคาเริ่มต้นสำหรับกิ้งก่าอาจอยู่ในช่วง 500-1,000 บาทต่อตัว แต่ก็มีสายพันธุ์บางสายพันธุ์ที่มีราคาสูงกว่านั้น เพื่อความสวยงามและความหายากของพวกเขา


Spread the love

Similar Posts